Engagement คืออะไร? เจาะลึกหัวใจสำคัญที่ทำให้ร้านค้าออนไลน์ "ขายดี" จนแพ็คไม่ทัน (ฉบับปี 2025)


พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายคนยังเข้าใจผิดมหันต์ครับ! คิดว่าการทำเพจขายของ คือการโพสต์รูปสินค้าเยอะๆ แล้วรอลูกค้าทักมาซื้อ พอขายไม่ได้ ก็โทษเศรษฐกิจ โทษฟ้าฝน

แต่ความจริงแล้ว มี "กุญแจลับ" ดอกหนึ่งที่ร้านค้าขายดีระดับท็อปเขารู้กัน แต่เขาไม่ค่อยบอกคุณ กุญแจดอกนั้นมีชื่อว่า "Engagement" ครับ

ถ้าคุณยังคิดว่า Engagement ก็แค่ยอดไลค์ บอกเลยว่าคุณกำลังพลาดโอกาสทำเงินมหาศาล วันนี้ LikeDee จะพาไปเจาะลึกว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไร และทำไมถ้าอยากรวยในโลกออนไลน์ คุณต้องบูชามันยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด

Engagement คืออะไรกันแน่? (มากกว่าแค่กดไลค์)

ในภาษาการตลาด Engagement แปลว่า "การมีส่วนร่วม" ครับ ถ้าเปรียบโซเชียลมีเดียเป็นงานปาร์ตี้ การที่คุณโพสต์คอนเทนต์ ก็เหมือนคุณเดินเข้าไปในงาน แล้วพูดอะไรสักอย่าง

ถ้าคนในงานหันมาฟังคุณ ปรบมือให้ (Like), ตะโกนตอบโต้กับคุณ (Comment), เดินไปบอกเพื่อนต่อว่าคุณพูดเจ๋งมาก (Share), หรือจดสิ่งที่คุณพูดใส่สมุดไว้ดูทีหลัง (Save) ทั้งหมดนี้แหละครับคือ "Engagement"

สำหรับอัลกอริทึม (AI) ของ Facebook, TikTok, IG แล้ว Engagement คือ "สกุลเงินดิจิทัล" ที่มีค่าที่สุดครับ AI ไม่ได้วัดความสำเร็จของคุณที่จำนวนผู้ติดตาม แต่วัดที่ "คุณภาพของความสัมพันธ์" ระหว่างคุณกับผู้ติดตามต่างหาก

ทำไมร้านค้าออนไลน์ต้องแคร์? (ถ้าไม่แคร์ = เจ๊ง)

ถ้าเป้าหมายของคุณคือ "ยอดขาย" นี่คือ 4 เหตุผลที่คุณต้องโฟกัสที่ Engagement เป็นอันดับแรกครับ:

  1. เป็นใบเบิกทางสู่ "การมองเห็นฟรี" (Organic Reach) กฎเหล็กของปี 2025 คือ "No Engagement = No Visibility" ครับ แพลตฟอร์มต้องการนำเสนอเฉพาะคอนเทนต์ที่คนชอบ ถ้าโพสต์สินค้าของคุณปล่อยไปแล้วไม่มีใครสนใจ AI จะตีตราว่าเป็น "ขยะ" และปิดกั้นการมองเห็นทันที ในทางกลับกัน ถ้าโพสต์ไหนคนรุมกันกดไลค์ คอมเมนต์ AI จะมองว่าเป็น "ของดี" และช่วยดันโพสต์นั้นไปหน้าฟีดของลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ฟรีๆ! โดยที่คุณไม่ต้องเสียค่าแอดสักบาท

  2. สร้าง "ความน่าเชื่อถือ" (Social Proof) ที่ทรงพลังที่สุด ลองนึกภาพตามนะครับ ลูกค้ากดเข้ามาดูเพจร้าน A มีคนติดตามแสนคน แต่โพสต์ล่าสุดมี 5 ไลค์ กับเพจร้าน B มีคนติดตามหมื่นคน แต่โพสต์ล่าสุดมี 500 ไลค์ และคอมเมนต์รีวิวเพียบ... คุณจะกล้าโอนเงินให้ร้านไหนครับ? แน่นอนว่าร้าน B ครับ! ตัวเลข Engagement ที่สูง คือเครื่องยืนยันว่าร้านนี้มีตัวตนจริง มีลูกค้าจริง ไม่ใช่เพจร้าง หรือมิจฉาชีพ มันคือจิตวิทยาที่ทำให้ลูกค้ากล้าตัดสินใจซื้อโอนไวขึ้น

  3. ช่วยให้ "ค่าโฆษณาถูกลง" ข้อนี้สำคัญมากสำหรับสายยิงแอด! ระบบโฆษณา (โดยเฉพาะ Facebook Ads) จะมีคะแนนที่เรียกว่า Relevance Score ถ้าโฆษณาที่คุณยิงออกไป มีคนมีส่วนร่วมเยอะ ระบบจะมองว่าโฆษณานี้มีคุณภาพ และจะลดราคาค่าคลิก (CPC) หรือค่าการเข้าถึง (CPM) ให้คุณถูกลงมากๆ สรุปคือ ยิ่ง Engagement ดี ยิงแอดก็ยิ่งคุ้มครับ

  4. เปลี่ยน "คนแปลกหน้า" ให้เป็น "ลูกค้าประจำ" การมี Engagement คือการสร้างบทสนทนาครับ เมื่อคุณตอบคอมเมนต์ลูกค้า ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ลูกค้าจะรู้สึกผูกพันกับแบรนด์ของคุณ (Brand Loyalty) จากที่แค่แวะมาดูเฉยๆ ก็กลายเป็นลูกค้าที่ซื้อซ้ำ และบอกต่อในที่สุด

สรุป: จะเริ่มสร้าง Engagement ได้ยังไง?

เลิกโพสต์ขายของแบบยัดเยียดครับ แต่ให้หันมาสร้างคอนเทนต์ที่ "กระตุ้นให้คนทำอะไรบางอย่าง" เช่น:

  • ตั้งคำถามปลายเปิดให้คนมาแสดงความคิดเห็น

  • ทำคอนเทนต์ให้ความรู้ที่คนอยากกด Save เก็บไว้ดู

  • เล่นเกม หรือกิจกรรมแจกของรางวัลเล็กๆ น้อยๆ

  • ตอบคอมเมนต์ให้ไว และชวนคุยต่อเสมอ

ทางลัดสำหรับร้านค้าที่ต้องการความรวดเร็ว

การสร้าง Engagement ตามธรรมชาติในยุคนี้ต้องใช้เวลาและความอดทนสูงมากครับ หากคุณเป็นร้านค้าใหม่ หรือต้องการกู้คืนความน่าเชื่อถือแบบเร่งด่วน

การใช้ "ตัวช่วย" ในการสร้าง Engagement ตั้งต้น (Seeding) ในโพสต์สำคัญๆ เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการจุดกระแส และสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือในสายตาลูกค้า ก็เป็นกลยุทธ์ที่แบรนด์ใหญ่ๆ หลายเจ้าเลือกใช้กันครับ


ต้องการเพิ่ม Engagement ให้เพจร้านค้าดูน่าเชื่อถือทันที? ปรึกษาทีมงาน LikeDee ได้เลยครับ เราเชี่ยวชาญด้านการสร้าง Social Proof ที่ปลอดภัย และช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณเติบโตได้ไวขึ้น ทักมาคุยกันก่อนได้ครับ!